การใช้ประโยชน์ในเครื่องหมายการค้าสำหรับธุรกิจ
เครื่องหมายการค้า เป็นส่วนประกอบหนึ่งในทรัพย์สินทางปัญญา
มีกฎหมายในการคุ้มครองและมีขั้นตอนในการดำเนินการจดทะเบียน
ผู้จดควรศึกษาให้ดีก่อนที่จะทำแบรนด์ เพื่อประโยชน์ของแบรนด์สินค้าและองค์กรในอนาคต
การใช้ประโยชน์ในเครื่องหมายการค้าสำหรับธุรกิจ
สำหรับธุรกิจที่จัดตั้งขึ้นส่วนใหญ่สินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดคือแบรนด์ เมื่อพิจารณาถึงแบรนด์ที่โดดเด่นที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ของบริษัท โลโก้ หรือหนึ่งในเครื่องหมายการค้าอื่น ๆ อีกมากมายที่ บริษัท ใช้ในตลาดเพื่อระบุสินค้าและบริการต่าง ๆ การปกป้องทรัพย์สินเครื่องหมายการค้าที่มีค่าเหล่านี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ธุรกิจใด ๆ ที่ต้องรีบทำ
เครื่องหมายการค้าจึงไม่ใช่แค่เครื่องหมายหรือตราทางธุรกิจเท่านั้น แต่เป็นทุกอย่างที่ใช้เพื่อระบุผลิตภัณฑ์หรือบริการ เครื่องหมายการค้าอาจรวมถึงคำ โลโก้ รูปร่าง สี และชุดค่าผสมเดียวกัน เครื่องหมายการค้าจึงสามารถเป็นหนึ่งในทรัพย์สินหรือสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่สำคัญที่สุดของธุรกิจจำนวนมาก การมีเครื่องหมายการค้าที่ดีสามารถแยกความแตกต่างของผลิตภัณฑ์และ/ หรือบริการของผลิตภัณฑ์จากคู่แข่งได้
ทำไมต้องจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
วัตถุประสงค์ของการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเพื่อแสดงถึงสิทธิและความเป็นเจ้าของสินค้าหรือบริการนั้นๆเพื่อป้องกันผู้อื่นลอกเลียนแบบ หรือการก่อให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจ ที่จะได้รับสิทธิการคุ้มครองตามกฎหมายเมื่อมีการได้รับจดทะเบียนแล้ว
เมื่อประเทศไทยเป็นหนึ่งใน AEC ประเทศอาเซียน ที่สามารถค้าขายได้อย่างเสรี โดยสินค้าและบริการต้องมีเครื่องหมายทางการค้า การสร้างตัวตนให้กับธุรกิจและสินค้า ด้วยโลโก้ ตราสินค้า แบรนด์ เหล่านี้คือเครื่องหมายการค้าทั้งหมด ที่บ่งบอกถึงมาตรฐานของสินค้าและบริการต่างๆ ที่มีความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าอาจมีความยุ่งยาก หลากหลายขั้นตอน และต้องใช้เวลาหลายเดือน ซึ่งการเริ่มต้นอย่างถูกวิธีช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว ต่อไปจะกล่าวถึงความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้า
เครื่องหมายการค้า คือ อะไร
เครื่องหมายการค้า (Trademark) หมายถึง ตราสินค้าหรือส่วนหนึ่งของตราสินค้า เพื่อแสดงว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น เจ้าของมีสิทธิตามกฎหมายแต่เพียงผู้เดียว ตัวอย่างแบรนด์ เช่น Mercedes, Google, Amazon, iPad, The London Eye ฯลฯ สิทธิ์เครื่องหมายการค้านั้นถูกสร้างขึ้นโดยใช้ชื่อหรือสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการเพื่อระบุแหล่งที่มาของสินค้าหรือบริการ โดยเป็นเครื่องหมายการค้าที่ได้รับการจดทะเบียนอย่างแข็งแกร่งและน่าจดจำ และที่สำคัญ คือ ได้รับการคุ้มครองโดยการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าโดยไม่มีใครกล้าละเมิด
จุดประสงค์ของการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า นอกจากจะป้องกันการละเมิดสิทธิ์แล้ว ยังช่วยป้องกันการสับสนหรือเข้าใจผิดเกี่ยวกับที่มาของสินค้าและบริการนั้นๆ ซึ่งเครื่องหมายที่ให้ความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า
(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2543 มี 4 ประเภท ดังต่อไปนี้
1. เครื่องหมายการค้า (Trademark)
2. เครื่องหมายบริการ (Service Mark)
3. เครื่องหมายรับรอง (Certification Mark)
4. เครื่องหมายร่วม (Collective Mark)
เนื่องจากสิทธิ์เครื่องหมายการค้าเชื่อมโยงกับการใช้งานครั้งแรก เว็บไซต์บางแห่งจึงเสนอให้ปกป้องชื่อสินค้า รวมถึงแบรนด์ที่สร้างขึ้น เนื่องจากแบบฟอร์ม และเครื่องหมายการจดทะเบียนการค้าอาจมีหลายขั้นตอนจึงต้องอ่านรายละเอียดและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เพราะเครื่องหมายการค้า จะมีประโยชน์ทั้งทางธุรกิจและทางกฎหมาย โดยเฉพาะในแง่ของผู้ประกอบการ และประโยชน์ทางธุรกิจ ดังนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องหมายการค้าได้รับการคุ้มครองในระดับสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต ขั้นตอนการขอจดทะเบียนจึงแบ่งได้ออกเป็น 2 ขั้นตอนใหญ่ คือ
1. ขั้นตอนในประเทศ
2. ขั้นตอนระหว่างประเทศ
ขั้นตอนการจดทะเบียนการค้าภายในประเทศไทยพอสังเขปได้ ดังนี้
1. การตรวจค้นผ่านทางอินเตอร์เน็ตผ่านเว็บไซต์กรมฯ (www.ipthailand.go.th) ส่วนนี้ไม่มีค่าธรรมเนียม หลังจากนั้นจึงขอทำเรื่องการตรวจสอบความเหมือนหรือคล้ายว่ามีบุคคลใดจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแล้วหรือยัง? และพิจารณาเครื่องหมายการค้าว่าขัดต่อกฎหมายหรือไม่? เพราะคำบางคำ รูปบางรูป ไม่สามารถรับจดทะเบียนได้
2. การเตรียมคำขอและเอกสารประกอบตามแบบ ดังนี้
- คำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรองและเครื่องหมายร่วม ให้ใช้แบบ ก. 01
- กรณีมีเจ้าของร่วม ให้ยื่นหลักฐานชี้แจงความสัมพันธ์ตามแบบ (ก.11) เพื่อระบุว่าเครื่องหมายนี้จะใช้ในนามบุคคล นิติบุคคล หรือสมาชิกขององค์กรสมาคม สหภาพ สหกรณ์ สมาพันธ์ หรือกลุ่ม บุคคล องค์กรใด
3. เตรียมบัตรประจำตัวของเจ้าของ
- ในนามบุคคลธรรมดา ให้ใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- ในนามนิติบุคคล ให้ใช้สำเนาหนังสือรองรับนิติบุคคลเหล่านั้น ออกให้ไม่เกิน 6 เดือน จำนวน 1 ฉบับ
4. ยื่นคำขอจดทะเบียน ดังนี้ คือ
- กลุ่มบริการตรวจรับคำขอ ชั้น 3 กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
- สำนักงานพาณิชย์จังหวัด
- ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ
- ทางอินเตอร์เน็ตผ่านเว็บไซต์กรมฯ (www.ipthailand.go.th)
- เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเบื้องต้น เพื่อให้นายทะเบียนตรวจสอบเครื่องหมายการค้า ทำการประกาศโฆษณา การคัดค้าน ไปจนถึงการชำระค่าธรรมเนียม หลังจากนั้นกรมทรัพย์สินทางปัญญารับจดทะเบียนเครื่องหมาย ซึ่งทั้งหมดนี้อาจใช้ระยะเวลายาวนาน 12 เดือน ถึง 18 เดือน
ประโยชน์จากเครื่องหมายการค้า
- เอกสิทธิ์หนังสือรับรองการจดทะเบียนหนึ่งเดียวเท่านั้น ได้รับความคุ้มครองสิทธิความเป็นเจ้าของ
- เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนแล้วจะมีอายุการคุ้มครองทั้งหมด 10 ปี
- การต่ออายุสามารถต่ออายุได้เป็นคราว ๆ คราวละ 10 ปี
- มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการใช้เครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าของท่าน
- สามารถใช้ประโยชน์ทางการตลาดและทางธุรกิจโดยองค์กรหรือบริษัทต่างๆ
- มีสิทธิในการทำสัญญา การอนุญาตหรือการโอนสิทธิ ให้ผู้อื่นใช้เครื่องหมายการค้านั้นแต่เพียงผู้เดียว
- มีสิทธิฟ้องร้องและเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ เมื่อมีผู้ละเมิดเครื่องหมายการค้าของท่าน
ลักษณะของเครื่องหมายการค้าที่ดี
- มีความโดดเด่นมากพอที่จะทำให้ลูกค้าสามารถแยกแยะได้ว่าเป็นสินค้าอะไร ผลิตจากใคร แม้จะใช้ ชื่อ หรือ สกุล นอกจากจะมีความเฉพาะสูงแล้ว ยังเป็นชื่อที่หายาก ไม่ซ้ำใครและสามารถจดทะเบียนการค้าได้ด้วย
- ต้องเป็นเครื่องหมายที่ได้ใช้โดยสุจริตหรือไม่ได้ลอกเลียนผู้อื่นและมีการยื่นจดทะเบียนถูกต้อง แม้เครื่องหมายนั้นจะได้ถูกใช้มาระยะหนึ่งแล้วก็ตาม
- ต้องไม่ผิดกฎ หรือ ข้อต้องห้ามตาม มาตรา 8 แห่งกฎหมายเครื่องหมายการค้าไทย ซึ่งเครื่องหมายราชการ ลายธงชาติและสัญลักษณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับศาสนาไม่สามารถนำมายื่นจดขึ้นทะเบียนการค้าได้
ปัจจุบันการสร้างแบรนด์เป็นเรื่องง่ายมากและสินค้าที่มีแบรนด์ได้รับความนิยมสูงมาก การโฆษณาผลิตภัณฑ์จะเข้าถึงได้ง่ายหากผลิตภัณฑ์ของคุณมีเครื่องหมายการค้าที่น่าสนใจ แบรนด์จึงเปรียบเสมือนเครื่องมือเชิงพาณิชย์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่สร้างเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ของคุณ ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ซื้อธุรกิจหรือสนใจในธุรกิจของคุณ จึงยอมจ่ายโดยไม่สนใจว่ามีราคาสูงมากเพียงใด สำหรับค่าความนิยมที่สร้างขึ้นและเป็นที่สนใจของตลาด เพราะเขามองเห็นช่องทางธุรกิจเติบโตไปข้างหน้า
หากคุณกำลังเผชิญเรื่องเครื่องหมายการค้า และการสร้างตัวตนให้กับสินค้าและธุรกิจ การมีที่ปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญาหรือทนายความด้านทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้ความช่วยเหลือในการประเมินก่อนที่จะยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าอาจเป็นหนึ่งในการลงทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพสูงสุดที่ลูกค้าสามารถทำได้ เนื่องจากสามารถช่วยหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายทางกฎหมายและค่าใช้จ่ายทางธุรกิจอื่น ๆได้
By Mr.Yossapat Paramatkitjakan.
Founder / MD / Business Innovation Trainer & Intellectual Property.
IP ASIAN COMPANY LIMITED.
อ้างอิงข้อมูลเครื่องหมายการค้า
http://www.ipthailand.go.th/th/trademark-001.html